google ค้นหา

Custom Search

เรื่องเด่น

ประเด็นร้อน

เรื่องเด่น-บอลไทย-ดรีมทีมปฏิรูป (ไทยโพสต์)



กระแส ปฏิรูปประเทศไทย ดูจะได้รับความสนใจระดับ ฟีเวอร์ พอๆ กับมหกรรมฟุตบอลโลกซึ่งเริ่มแข่งขันไปแล้วที่ประเทศแอฟริกาใต้

แม้ฟุตบอลโลกหนนี้ดูจะจืดซืดไปบ้าง เพราะยิงประตูกันได้น้อย กว่าจะได้เห็นแต่ละประตูต้องลุ้นกันตัวโก่ง ทีมเต็งๆ หลายต่อหลายทีมถูกทีมรองบ่อนหักเขา (สเปนกระทิงดุ) หักเดือย (ตราไก่ฝรั่งเศส) ชนิดที่ปากกาเซียนทั้งหลายถูกหักไม่รู้กี่ด้ามต่อกี่ด้าม

แต่ภาพที่ปรากฏ...บรรดากองเชียร์ชาติต่างๆ ไม่ว่าจะลงทุนเดินทางไปดูถึงขอบสนามหรือนอนดูอยู่ที่บ้าน ก็สรวลเสเฮฮาสนุกสนาน มีความสุข แม้ทีมที่โปรดปรานจะแพ้แบบหวิดหวิวหรือแพ้แบบหลุดลุ่ยกระจุยกระจายก็ตาม

เฉพาะบ้านเราการแสดงออกแบบมี ความสุข เมื่อได้เชียร์บอลโลกนั้นอาจจะไม่เต็มเหนี่ยวนักเพราะยังมีเรื่องให้ต้องกังวล ครุ่นคิด ช่วยกันหาทางออกในสถานการณ์ชาติเริ่มปริร้าวด้วยคนในชาติแบ่งฝักฝ่ายจะฆ่ากันเอง คนไทยคงมีความสุขกันทั่วหน้าหากฟุตบอลทีมชาติบ้านเราได้ไปแข่งขันบอลโลกกับเขาสักครั้ง และบ้านเมืองไม่แตกแยก แบ่งฝักฝ่าย อย่างที่กำลังเกิดขึ้นทุกวันนี้

นั่นอาจจะเป็นเรื่อง ความฝัน มากกว่า ความเป็นจริง หรือไม่ เพราะดูทักษะพัฒนาการของนักเตะบ้านเราเทียบชั้นกับนักเตะย่านเดียวกันอย่างเกาหลี (ใต้-เหนือ) ญี่ปุ่น ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย โอกาสที่จะติด 1 ใน 4 หรือลุ้นเข้าไปเตะเพลย์ออฟกับ "โซนโอเชียเนีย" เพื่อไปบอลโลกนั้นคงเป็นความฝันแบบลมๆ แล้งๆ

จำได้ว่า...ราวยี่สิบปีที่แล้ว ทีมชาติญี่ปุ่นนั้นเด็กๆ ไปเลย หากเมื่อไหร่เตะกับทีมชาติไทยล่ะก็แพ้เราหมดรูปทุกครั้งไป แต่เราก็ไม่วายที่จะถูกทีมย่านตะวันออกกลางอย่างอิรัก อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ ถล่มยับเยินแทบทุกครั้งเช่นกัน

เอะใจ..ก็ตรงที่เหตุใดพัฒนาการของนักเตะทีมชาติญี่ปุ่นจึงเป็นไปแบบก้าวกระโดดจนเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียและระยะหลังมีชื่อติดไปแข่งฟุตบอลโลกทุกครั้ง ขณะที่ทีมชาติไทยแม้แต่ในย่าน อาเชียน การแข่งขันระดับ ซีเกมส์ ก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย..นั่นเป็นเพราะอะไร?

ไม่มีตัวให้เลือกเยอะก็ไม่น่าจะใช่ เพราะประชากรของไทย 63 ล้านคนมีมากกว่าหลายประเทศที่เข้าแข่งขันฟุตบอลโลกด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องรูปร่าง ความแข็งแกร่งก็ไม่น่าจะใช่เหตุเช่นกัน ดูอย่าง "ลิโอเนล เมสซี" ตัวเล็กกระจิดริด ทำไมฝีเท้าการเล่นบอลราวกับ เทพ หรือนักเตะญี่ปุ่นแต่ละคนก็รูปร่างไม่ต่างจากนักเตะไทย แล้วทำไมเขาเอาชนะทีมที่มีนักเตะรูปร่างบึกบึนอย่าง หมอผี แคเมอรูนได้

เรื่อง "พรสวรรค์" ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะคนเราไม่ได้เก่งมาจากท้องพ่อท้องแม่แน่นอน แต่น่าจะเป็นเรื่องของ "พรแสวง" หมั่นฝึกปรือมากกว่าที่ทำให้นักเตะตัวเล็กกระจิดริดสามารถเบียดเอาชนะนักเตะที่ตัวโตกว่าได้

แต่ก็อีกนั่นแหละ...ใช่ว่าผู้ที่สนใจด้านฟุตบอลในบ้านเราจะไม่มี "พรแสวง" ในการมุ่งมั่นฝึกปรือฝีเท้าตั้งแต่เด็ก...ลองไปถามผู้ชายบ้านเราสมัยตอนเด็กๆ มีใครบ้างที่ไม่เคยเอากระดาษพลาสติกมาขย้ำๆ รวมกันมัดด้วยหนังยางเป็นรูปกลมๆ แล้วแบ่งข้างเตะกันด้วยเท้าเปล่าตามริมถนนหรือตามไร่ตามนาบ้าง เห็นจะไม่มีใครปฏิเสธเป็นแน่ ยกเว้นผู้ชายประเภทอ้อนแอ้นอรชรและลูกผู้ดีตีนบางทั้งหลาย? เพียงแต่หลังจากนั้น เราไม่ได้มีนักเตะฝีเท้าชั้นดีและมีชื่อเสียงโด่งดังที่เริ่มต้นจากเท้าเปล่าและสนามริมถนน เหมือนเด็กที่เกิดในทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกา?

และหากจะมีผู้ไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าภาครัฐไม่สนับสนุนก็คงจะคับแคบไปหน่อย เพราะเท่าที่จำได้ก็เห็นมีหลายโครงการที่ให้การสนับสนุนเด็กเยาวชน เช่น โครงการนักกีฬาช้างเผือก, โครงการโค้กคัพ หรืออะไรอีกมากมายที่มี "คัพ" ตามหลังเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด

ระยะหลังภาคเอกชนก็เอื้อมมือให้การสนับสนุนจนมีลีกอาชีพอย่าง "พรีเมียร์ลีก" ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีในการปูทางไปสู่ "บอลโลก" แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในสนามและขอบสนามอยู่บ่อยครั้ง คล้ายๆ กับว่าทั้งนักเตะและคนเชียร์บ้านเรามุ่งมั่นจะไป "มวยโลก" เสียมากกว่า!?

พูดถึงกีฬาบ้านเราที่ไปไกลระดับโลกไม่แพ้ชาติอื่น สังเกตไหมว่าส่วนใหญ่จะเป็น "ประเภทบุคคล" แทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น "มวย" ทั้งอาชีพและสมัครเล่น เราได้เห็น แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์, เขาทราย แกแล็คซี่, สมรักษ์ คำสิงห์, สมจิตร จงจอหอ ฯลฯ ประกาศศักดาบนพื้นผ้าใบระดับโลกมาแล้ว

เช่นเดียวกับที่ได้เห็นภราดร ศรีชาพันธุ์, แทมมารีน ธนสุกาญจน์ สะบัดข้อมือหวดลูกสักหลาดเอาชนะฝรั่งมาแล้วนับคนไม่ถ้วน หรือแม้แต่ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ก็เคยสอย สตีฟ เดวิสและ จิมมี่ ไวท์ ร่วงมาแล้ว

นี่..ยังมี "โปรช้าง" อย่าง "ธงชัย ใจดี" นักกอล์ฟชาวไทย ที่นับวันจะไต่อันดับต้นของโลก จนเล่นเอา "ไทเกอร์ วูดส์" ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ซักจะหวั่นๆ ยำเกรงอยู่ไม่น้อย..เป็นต้น

แต่พอหันไปดูกีฬาประเภท ทีม ที่ใช้ผู้เล่นหลายๆ คน อย่างฟุตบอลต้องอาศัยความเป็น "ทีมเวิร์ก" มีความเข้าใจระหว่างผู้เล่นในทีมเดียวกัน พอนั่งลุ้นนั่งเชียร์ทีไรเป็นต้อง เซ็งเป็ด กันเป็นแถบๆ ใช่หรือไม่ว่านี่เป็น วัฒนธรรมของไทย อีกแง่มุมหนึ่ง การจะทำอะไรให้ประสบผลสำเร็จหรือบรรลุเป้าประสงค์ได้นั้น จะต้องอาศัยความสามารถเฉพาะบุคคล มากกว่าอาศัยการทำงานเป็นทีม ที่นอกจากจะไปไม่ถึงฝั่งแล้ว ดีไม่ดีอาจจะขัดแข้งขัดขากันเองเสียอีกต่างหาก

ถ้าไทยมีวัฒนธรรมเช่นนั้นก็น่าห่วง "ดรีมทีม" ปฏิรูปประเทศไทยที่ นายอานันท์ ปันยารชุน และ นพ.ประเวศ วะสี รับปากเป็นโต้โผใหญ่นั้นจะบรรลุเป้าประสงค์และไปได้ถึงฝั่งฝันได้อย่างไรกัน กรรมการอีกมากหน้าหลายตาที่พกความเป็นกลางไว้เต็มกระเป๋าจะไม่ขัดแข้งขัดขากันเองหรอกหรือ

เพราะฉะนั้นทางออกสุดท้ายในการคลี่คลายความขัดแย้งของคนในชาติบ้านเมืองของเรา สงสัยจะหนีไม่พ้นการใช้ความสามารถและบารมีของ "บุคคล" หนึ่งบุคคลใดเท่านั้นแล

No Response to "เรื่องเด่น-บอลไทย-ดรีมทีมปฏิรูป (ไทยโพสต์)"

แสดงความคิดเห็น

เทคโนโลยีล้ำสมัย

วาไรตี้

อาหารน่ากิน-ขนมหวาน

เรื่องตลก-ขำขัน-ภาพปริศนา

 
powered by Blogger